ประวัติสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทย ด้วยคนไทยส่วนใหญ่ได้เคารพนับถือพระพุทธศาสนาเป็นสรณะแห่งชีวิต สืบต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน นับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบันที่ชาติไทยเรามีความมั่นคง ดำรงเอกราช มีอธิปไตยเป็นอิสระเสร ีอยู่ได้ตราบเท่าทุกวันนี้ ก็ด้วยคนในชาติยึดมั่นอยู่ในสามัคคีตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีอันดีงาม ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมสร้างสามัคคีธรรมระหว่งคนในชาติ ส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากพระพุทธศาสนา ดังนั้น หลักธรรมคำสั่งสอนทางศาสนาจึงมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาและความมั่นคงของประเทศชาติ
การบริหารกิจการพระศาสนานั้น เป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ตามพุทธบัญญัติ แต่เนื่องจากอาณาจักรและศาสนจักร ต้องประสานกัน เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ รัฐบาลในฐานะผู้รับสนองพระราชภาระของพระมหากษัตริย์ จึงเข้าไปมีส่วนร่วม ในการดำเนินงานกิจการทางศาสนา ตามประวัติและพัฒนาการโดยลำดับ ดังนี้
- สมัยกรุงสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา มีราชบัณฑิต และ หมื่นราชสังฆการี รับมอบหมายภารกิจด้านการศาสนา
- ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีหน่วยงานรับผิดชอบ 3 หน่วยงานคือ กรมธรรมการ กรมสังฆการี และกรมราชบัณฑิต
ดวงตราสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
คำอธิบาย
ตรานี้ใช้ธรรมจักรบนฐานดอกบัว เรียกว่า "ไตรรัตนจักร" (กงล้อ คือ พระรัตนตรัย) เป็นสัญลักษณ์แทนพระรัตนตรัย คือ
(1) ดอกบัวแทนพระพุทธเจ้า ดังพระบาลีในเถรคาถาว่า "พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นในโลก แต่ไม่ติดในโลกีวิสัย ดุจดอกบัวเกิดในน้ำแต่ไม่เปียกน้ำ (ขุ.เถร. 26/388)
(2) ดอกบัวแทนพระอริยสงฆ์ ดังพุทธวจนะในธรรมบทว่า "ดอกบัวเกิดที่กองขยะที่เขาทิ้งไว้ข้างทางใหญ่ มีกลิ่นหอมรื่นรมย์ใจฉันใด ท่ามกลางมหาชนผู้โง่เขลา เป็นดุจสิ่งปฏิกูลพระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมรุ่งโรจน์ด้วยปัญญาฉันนั้น" (ขุ.ธ. 25-59)
(3) ดอกบัวมี 7 กลีบ เป็นสัญลักษณ์แทนดอกบัว 7 ดอก ที่เกิดขึ้นรองรับพระบาทของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อคราวประสูติ หรือสัญลักษณ์แทนโพชฌงค์ 7
(4) ธรรมจักร เป็นสัญลักษณ์แทนพระธรรม คือ อริยสัจสี่ อันเป็นแก่นของพระพุทธศาสนา ที่ทรงแสดงในวันเพ็ญเดือน 8 วันที่พระรัตนตรัยครบสมบูรณ์
(5) ซี่ธรรมจักร 12 ซี่ เป็นสัญลักษณ์แทนการรู้แจ้งอริยสัจแต่ละข้อด้วยญาณ ทั้ง 3 (สัจจญาณ, กิจจญาณ, และกตญาณ) (3x4 = 12)
(6) พระบาลีในธัมมจักรกัปปวัตตนสูตรว่า ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ อปฺปฏิวตฺติยํ = กงล้อคือพระธรรม อันพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงหมุนไปแล้ว ไม่มีใครหมุนกลับได้
ศ. พิเศษเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต
29 ตุลาคม 2545
ประวัติสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง
พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2554 ส่งผลให้เกิด “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” ขึ้น ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2545 เป็นต้นมา โดยมีฐานะเป็นหน่วยราชการระดับกรม ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2545 นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ได้ออกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขึ้น ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ สำนักงาน ก.พ. มีมติอนุมัติกำหนดตำแหน่งในสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งตามที่สำนักงาน ก.พ.กำหนดใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2545 ถือได้ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและบุคลากร มีอำนาจหน้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดตั้งส่วนราชการเป็นการภายใน มีฐานะเทียบเท่ากอง เรียกว่า “สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด” เป็นไปตามประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่อง กำหนดส่วนราชการและหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นการภายใน เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2547 ต่อมา มีนาคม 2549 ได้มีกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขึ้นใหม่ กำหนดให้ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด เป็นส่วนราชการสังกัดส่วนภูมิภาค มีฐานะเทียบเท่ากอง เพื่อดำเนินภารกิจเกี่ยวกับกิจการพระพุทธศาสนาทั้งปวง และสนองงานคณะสงฆ์ให้เป็นไปด้วยดี
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง เป็นหน่วยงานส่วนภูมิภาค สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ตั้งอยู่ ถนนวัดม่อนจำศีล ตำบลพระบาท อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง โดยได้ขอใช้ที่ดินและอาคารของที่ราชพัสดุ จากสำนักงานธนารักษ์พื้นที่ลำปาง เพื่อใช้เป็นที่ทำการในการปฏิบัติงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 1 ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา